Local SEO บริการเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจในพื้นที่ใกล้เคียง รวบรวมวิธีทำที่เข้าใจง่าย

Marketing, SEO

หากคุณมีร้านค้าหรือบริการที่เน้นกลุ่มลูกค้าในท้องถิ่น การทำ Local SEO เป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถมองข้ามได้ Local SEO (การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาในท้องถิ่น) คือวิธีที่ทำให้ธุรกิจของคุณปรากฏอยู่ในผลการค้นหาเมื่อผู้ใช้ค้นหาบริการหรือสินค้าที่คุณนำเสนอในพื้นที่ที่คุณตั้งอยู่ การทำ Local SEO ไม่ได้เป็นเพียงการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ตรงกับคำค้นหาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการยืนยันและจัดการข้อมูลธุรกิจของคุณบนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง Google My Business การสร้างความสอดคล้องของข้อมูลธุรกิจ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงการได้รับรีวิวและความเห็นจากลูกค้าที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ การทำ Local SEO ที่มีประสิทธิภาพสามารถทำให้ธุรกิจของคุณมีความโดดเด่นในพื้นที่ เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมร้านค้า และส่งผลต่อยอดขายในที่สุด

สารบัญ

Local SEO คืออะไร?

Local SEO (Search Engine Optimization) คือการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาบนเครื่องมือค้นหาเพื่อทำให้ธุรกิจของคุณปรากฏเด่นชัดในผลการค้นหาเมื่อผู้ใช้ค้นหาบริการหรือสินค้าที่คุณนำเสนอในพื้นที่ที่คุณตั้งอยู่ ซึ่งหมายความว่าหากมีผู้ใช้ค้นหาคำว่า “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” ธุรกิจของคุณมีโอกาสที่จะปรากฏอยู่ในหน้าผลการค้นหาหากคุณทำ Local SEO ได้ดี การทำ Local SEO ไม่ได้หมายถึงการปรับแต่งเฉพาะเว็บไซต์ของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดการข้อมูลธุรกิจของคุณบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Google My Business, Bing Places for Business และการลงทะเบียนกับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มการมองเห็น นอกจากนี้ยังรวมถึงการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพ การได้รับรีวิวที่ดีจากลูกค้า และการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจของคุณให้สอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์ม การทำ Local SEO ที่ดีสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมธุรกิจของคุณ เพิ่มยอดขาย และสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้าในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในตัวอย่างด้านล่างนี้ คุณจะเห็นได้ว่า หากคุณเซิชว่า ร้านอาหาร สุขุมวิท ผลการค้นหาจะแสดงเป็นร้านอาหารในถนนสุขุมวิท ซึ่งหากคุณต้องการให้ร้านอาหารของคุณติดอันดับ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำ Local SEO อย่างถูกต้อง

local seo คืออะไร

ใครที่เหมาะกับการทำ Local SEO?

จากตัวอย่างข้างต้นชัดเจนว่า ธุรกิจทุกแห่งที่มีที่อยู่และดำเนินกิจการในพื้นที่เฉพาะต้องการทำ Local SEO คุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร ร้านตัดผม หรือสำนักงานกฎหมายหรือไม่? คุณเป็นหมอ ช่างยนต์ หรือผู้ค้าปลีกหรือไม่? คุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับ Local SEO ผู้คนใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาธุรกิจก่อนที่จะเข้ามาเยี่ยมชมจริง ๆ และหากพวกเขาไม่พบธุรกิจของคุณ มันชัดเจนว่าคุณกำลังสูญเสียลูกค้าและโอกาส และคู่แข่งของคุณจะใช้ประโยชน์จากปัจจัยเหล่านี้แทน

ประโยชน์ของ Local SEO สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

เพิ่มโอกาสในการปรากฏในอันดับสูงขึ้นบน Google

จากตัวอย่างข้างต้น ธุรกิจที่ปรากฏในผลการค้นหาในท้องถิ่นของ Google (รวมถึง Google Maps) มีแนวโน้มที่จะได้รับผู้เยี่ยมชมมากกว่าธุรกิจที่ไม่ปรากฏในคำแนะนำ

เพิ่ม Conversion Rate

อัตรา Conversion Rate สูงขึ้นเนื่องจากผู้เข้าชมที่มาจากการค้นหาในท้องถิ่นมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความต้องการจริง

การมองเห็นและการสร้าง Brand Awareness

ผู้ที่ค้นหาธุรกิจในพื้นที่ของคุณจะรู้จักธุรกิจของคุณ ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ

ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น

เว็บไซต์ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการค้นหาในท้องถิ่นสามารถสร้างมูลค่ามากขึ้นให้กับธุรกิจที่มีหน้าร้านจริง เนื่องจากเป้าหมายหลักคือการดึงดูดลูกค้าที่กำลังค้นหาธุรกิจในพื้นที่ การลงทุนใน Local SEO จะให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นและอาจทำให้ธุรกิจเติบโตเร็วกว่า บริษัทที่ไม่ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้

Local SEO กับ SEO ทั่วไปต่างกันอย่างไร?

Local SEO และ General SEO มีเป้าหมายที่แตกต่างกันในการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับในผลการค้นหา แต่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน General SEO มุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์คำค้นหาที่กว้างขวางมากขึ้น โดยไม่จำกัดพื้นที่ เช่น การเพิ่มความสำคัญของคำหลัก การสร้างลิงก์คุณภาพสูง และการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ ในทางกลับกัน Local SEO มุ่งเน้นไปที่การทำให้ธุรกิจปรากฏในผลการค้นหาเมื่อผู้ใช้ค้นหาบริการหรือสินค้าที่อยู่ใกล้เคียง โดยการใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น การยืนยันและเพิ่มข้อมูลธุรกิจใน Google My Business การได้รับรีวิวและความเห็นจากลูกค้า และการสร้างข้อมูลการติดต่อที่สอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ Local SEO ยังให้ความสำคัญกับการใช้คำหลักที่มีการเจาะจงพื้นที่ เช่น “ร้านกาแฟในกรุงเทพฯ” หรือ “ช่างซ่อมรถใกล้ฉัน” เพื่อเพิ่มโอกาสที่ธุรกิจจะถูกค้นพบโดยลูกค้าที่อยู่ใกล้เคียง ในขณะที่ General SEO จะใช้คำหลักที่ไม่จำกัดพื้นที่เช่น “ร้านกาแฟ” หรือ “ช่างซ่อมรถ” ซึ่งสามารถนำไปสู่การค้นหาทั่วโลก ดังนั้น ธุรกิจที่ต้องการดึงดูดลูกค้าในพื้นที่จึงควรให้ความสำคัญกับการทำ Local SEO มากกว่าเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในตลาดท้องถิ่น

ลองอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO คืออะไร? และปัจจัยทำ SEO

ทุกธุรกิจควรทำ Local SEO หรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป และเหตุผลก็คือ หากคุณพยายามเน้นกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะทำให้ยากขึ้นในการติดอันดับคำหลักที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาในระดับโลก ตัวอย่างเช่น ธุรกิจ Microsoft มีลูกค้าจากทั่วโลก และเนื่องจากเขาต้องการติดอันดับสำหรับคำค้นหาทั่วไป เขาจึงไม่ได้ให้สัญญาณท้องถิ่นใดๆ กับเครื่องมือค้นหา นอกจากข้อมูลที่เขาต้องให้กับผู้ใช้เพื่อความชัดเจนและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจ

การทำ Local SEO เหมาะสมกับธุรกิจที่มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดลูกค้าในพื้นที่เฉพาะ เช่น ร้านอาหารท้องถิ่น ร้านค้า หรือบริการที่มีหน้าร้าน ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่มีขอบเขตกว้างขวางและต้องการดึงดูดลูกค้าจากหลายประเทศควรมุ่งเน้นที่ General SEO เพื่อให้คำค้นหาของพวกเขาสามารถปรากฏทั่วโลก การให้ความสำคัญกับ Local SEO ในกรณีนี้อาจทำให้การติดอันดับคำค้นหาที่กว้างขึ้นทำได้ยากขึ้น

ดังนั้น การตัดสินใจว่าควรทำ Local SEO หรือไม่ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย หากธุรกิจของคุณมุ่งเน้นที่การให้บริการหรือขายสินค้าในพื้นที่เฉพาะ การทำ Local SEO จะเป็นประโยชน์มาก แต่หากธุรกิจของคุณต้องการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก การทำ General SEO จะเหมาะสมมากกว่า

เทคนิคการทำ Local SEO ให้ได้ผล

  1. Google My Business (GMB)
    • สร้างและยืนยันบัญชี Google My Business
    • อัปเดตข้อมูลธุรกิจ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และเวลาทำการ
    • เพิ่มรูปภาพคุณภาพสูงของธุรกิจ
    • กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวและตอบกลับรีวิว
  2. On-Page SEO
    • ใช้คำหลักที่มีการเจาะจงพื้นที่ในชื่อหน้า (Title Tag), หัวเรื่อง (Headings), และเนื้อหา
    • เพิ่มข้อมูลธุรกิจในส่วน Footer ของเว็บไซต์
    • สร้างหน้า Landing Page ที่เจาะจงพื้นที่สำหรับแต่ละบริการ
  3. Local Citations
    • ลงทะเบียนธุรกิจในไดเร็กทอรีท้องถิ่นและเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลธุรกิจมีความสอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์ม
  4. Local Content
    • สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ เช่น บทความเกี่ยวกับกิจกรรมในท้องถิ่นหรือข่าวท้องถิ่น
    • เขียนบล็อกโพสต์ที่เน้นเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในชุมชน
  5. Schema Markup
    • ใช้ Local Business Schema เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจข้อมูลธุรกิจของคุณได้ดียิ่งขึ้น
  6. Backlinks จากเว็บไซต์ท้องถิ่น
    • รับลิงก์จากเว็บไซต์ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมธุรกิจท้องถิ่น หรือเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น
  7. Social Media Engagement
    • สร้างโปรไฟล์ธุรกิจในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
    • โพสต์เนื้อหาที่เจาะจงพื้นที่และมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามในพื้นที่
  8. Online Reviews and Reputation Management
    • กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวใน Google, Wongnai, และแพลตฟอร์มรีวิวอื่นๆ
    • ตอบกลับรีวิวทั้งบวกและลบเพื่อแสดงความเอาใจใส่และปรับปรุงบริการ
  9. Optimize Your Logo for Local SEO
    • ปรับแต่งโลโก้ธุรกิจของคุณให้เหมาะสมกับการค้นหาในท้องถิ่น
  10. Make Your Titles, Descriptions, and URLs Local SEO Friendly
    • ปรับแต่งชื่อหน้า คำอธิบาย และ URL ให้เหมาะสมกับการค้นหาในท้องถิ่น
  11. Add a Google Map on the Contact Information Page
    • เพิ่มแผนที่ Google บนหน้าข้อมูลการติดต่อ
  12. Register with Yahoo Small Business
    • ลงทะเบียนธุรกิจกับ Yahoo Small Business
  13. Register Your Website with Bing Places for Business
    • ลงทะเบียนเว็บไซต์กับ Bing Places for Business
  14. Register Your Business with Local Directories
    • ลงทะเบียนธุรกิจกับไดเร็กทอรีท้องถิ่น
  15. Create a Local Business Page on Facebook
    • สร้างหน้าเพจธุรกิจท้องถิ่นบน Facebook
  16. Register Your Business with Wongnai for Business Owners
    • ลงทะเบียนธุรกิจกับ Wongnai for Business Owners
  17. Register with Foursquare for Business
    • ลงทะเบียนธุรกิจกับ Foursquare for Business
  18. Encourage and Reply to Every Single Review on Every Platform
    • กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวและตอบกลับรีวิวทุกรีวิวบนทุกแพลตฟอร์ม
  19. Pursue Brand Mentions and Links from the Local Press
    • แสวงหาการกล่าวถึงแบรนด์และลิงก์จากสื่อท้องถิ่น
  20. Run a Link Building Campaign to Get More Links
    • จัดทำแคมเปญการสร้างลิงก์เพื่อรับลิงก์มากขึ้น
  21. Optimize Your Website for Mobile
    • ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ
  22. Start a Blog and Use Internal Linking with Local SEO Friendly Anchor Text
    • เริ่มบล็อกและใช้การเชื่อมโยงภายในด้วย Anchor Text ที่เป็นมิตรกับ Local SEO
  23. Create Business Pages on Twitter, Pinterest, YouTube, and Other Social Networks
    • สร้างหน้าเพจธุรกิจบน Twitter, Pinterest, YouTube และเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ
google my business

1. Google My Business (GMB)

Google My Business (GMB) เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญสำหรับการทำ Local SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณแสดงข้อมูลสำคัญต่อผู้ค้นหาผ่านทาง Google Search และ Google Maps อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้และประโยชน์ของ GMB:

สร้างและยืนยันบัญชี Google My Business

  1. สร้างบัญชี GMB
    • ไปที่เว็บไซต์ Google My Business (google.com/business) และลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google ของคุณ
    • คลิกที่ปุ่ม “เริ่มเลย” และป้อนชื่อธุรกิจของคุณ
    • หากธุรกิจของคุณมีอยู่ในระบบแล้ว ให้เลือกธุรกิจของคุณจากรายการที่ปรากฏ หรือเลือก “สร้างธุรกิจใหม่” หากไม่พบธุรกิจของคุณ
  2. กรอกข้อมูลธุรกิจ
    • ป้อนที่อยู่ธุรกิจของคุณอย่างถูกต้อง ข้อมูลนี้จะใช้ในการแสดงตำแหน่งบน Google Maps
    • ระบุหมวดหมู่ธุรกิจที่ตรงกับลักษณะธุรกิจของคุณมากที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นหาธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น
    • ป้อนหมายเลขโทรศัพท์และเว็บไซต์ของธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อคุณได้ง่าย
  3. ยืนยันธุรกิจ
    • หลังจากกรอกข้อมูลธุรกิจแล้ว Google จะขอให้คุณยืนยันธุรกิจของคุณ
    • เลือกวิธีการยืนยัน เช่น การรับจดหมายยืนยันที่มีรหัสยืนยันที่อยู่ของคุณ หรือวิธีการอื่นๆ ที่ Google รองรับ
    • ป้อนรหัสยืนยันที่คุณได้รับเพื่อยืนยันธุรกิจของคุณ
  4. อัปเดตข้อมูลธุรกิจ
    • หลังจากยืนยันธุรกิจเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมได้ เช่น เวลาทำการ คำอธิบายธุรกิจ และรูปภาพ
    • การเพิ่มรูปภาพที่มีคุณภาพสูงของสถานที่และผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้า
  5. จัดการรีวิวและการตอบกลับ
    • กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ ซึ่งรีวิวที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมองเห็น
    • ตอบกลับรีวิวทั้งบวกและลบเพื่อแสดงความเอาใจใส่และปรับปรุงบริการ

ประโยชน์ของ Google My Business

  • เพิ่มการมองเห็นในพื้นที่ใกล้เคียง
    • ธุรกิจของคุณจะปรากฏในผลการค้นหาและบน Google Maps เมื่อผู้ใช้ค้นหาบริการหรือสินค้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของคุณ
  • การเชื่อมต่อกับลูกค้า
    • ลูกค้าสามารถติดต่อคุณได้ง่ายผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือเว็บไซต์ที่คุณระบุในบัญชี GMB
  • รีวิวจากลูกค้า
    • การมีรีวิวจากลูกค้าจริงจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ธุรกิจของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น
  • อัปเดตข้อมูล
    • คุณสามารถอัปเดตข้อมูลธุรกิจของคุณได้ตลอดเวลา ทำให้ลูกค้ารู้ถึงข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ เช่น เวลาทำการพิเศษหรือโปรโมชั่นต่างๆ

2.On-Page SEO

On-Page SEO เป็นกระบวนการปรับแต่งเนื้อหาและโครงสร้างภายในเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ตรงตามหลักการของเครื่องมือค้นหา เช่น Google ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาได้ดีขึ้นสำหรับคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณ การทำ On-Page SEO ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้:

1. ใช้คำหลักที่มีการเจาะจงพื้นที่ในชื่อหน้า (Title Tag), หัวเรื่อง (Headings), และเนื้อหา

  • Title Tag: ชื่อหน้าหรือ Title Tag ควรมีคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและพื้นที่ เช่น “ร้านกาแฟในกรุงเทพฯ” ซึ่งช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวกับอะไรและเหมาะสมกับการค้นหาในพื้นที่ใด
  • Headings: การใช้หัวเรื่อง (H1, H2, H3 ฯลฯ) ที่มีคำหลักจะช่วยให้เนื้อหาของคุณมีโครงสร้างที่ชัดเจนและเน้นความสำคัญของหัวข้อนั้นๆ
  • Content: เนื้อหาที่มีคำหลักที่เจาะจงพื้นที่ จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไรและเหมาะสมกับการค้นหาในพื้นที่ใด

2. เพิ่มข้อมูลธุรกิจในส่วน Footer ของเว็บไซต์

  • การเพิ่มข้อมูลธุรกิจ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ (NAP) ในส่วนท้ายของเว็บไซต์ ช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นธุรกิจที่มีที่อยู่จริงและเกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นๆ

3. สร้างหน้า Landing Page ที่เจาะจงพื้นที่สำหรับแต่ละบริการ

  • หากธุรกิจของคุณมีบริการหลายประเภทหรือมีหลายสาขา ควรสร้างหน้า Landing Page ที่เจาะจงพื้นที่และบริการแต่ละประเภทเพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นหาและทำให้เนื้อหามีความเกี่ยวข้องมากขึ้น

4. เพิ่มข้อมูล Meta Tags ที่เกี่ยวข้อง

  • Meta Description: เขียนคำอธิบายที่ชัดเจนและมีคำหลักที่เจาะจงพื้นที่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาทราบว่าเนื้อหาของหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร
  • Meta Keywords: แม้ว่า Meta Keywords จะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการจัดอันดับของ Google แต่การมีคำหลักที่เกี่ยวข้องก็ยังเป็นประโยชน์

5. ปรับแต่ง URL ให้เป็นมิตรกับ Local SEO

  • ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องใน URL เช่น “www.yourwebsite.com/ร้านกาแฟในกรุงเทพ” เพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้องและทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ตามหลักของ Technical SEO

6. การใช้ภาพและสื่อที่มีคุณภาพ

  • ใช้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพและสื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและพื้นที่ของคุณ
  • เพิ่ม Alt Text ที่มีคำหลักและเกี่ยวข้องกับภาพเพื่อช่วยในการค้นหาภาพ

7. ปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์

  • เว็บไซต์ที่โหลดเร็วมีโอกาสในการจัดอันดับที่ดีกว่า การปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้และลดอัตราการออกจากหน้า

8. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง

  • สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และมีคุณภาพสูง ที่มีคำหลักที่เกี่ยวข้องและเจาะจงพื้นที่ เพื่อดึงดูดผู้เยี่ยมชมและเพิ่มการมองเห็นในเครื่องมือค้นหา

9. การใช้ลิงก์ภายใน (Internal Linking)

  • ใช้ลิงก์ภายในเพื่อเชื่อมโยงหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้นและช่วยเพิ่มเวลาในการเยี่ยมชมเว็บไซต์

10. การทำ Mobile Optimization

  • ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนมือถือ เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่มักค้นหาข้อมูลผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ การมีเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับมือถือจะช่วยให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้น

3. Local Citations

Local Citations คือการกล่าวถึงธุรกิจของคุณบนเว็บไซต์อื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลหลักที่สำคัญ เช่น ชื่อธุรกิจ (Name), ที่อยู่ (Address) และหมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number) หรือที่เรียกว่า NAP การมี Local Citations ที่มีคุณภาพและสอดคล้องกันสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมองเห็นของธุรกิจในผลการค้นหาในท้องถิ่น ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างและประโยชน์ของ Local Citations:

การสร้าง Local Citations

  1. ลงทะเบียนธุรกิจในไดเร็กทอรีท้องถิ่นและเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
    • เริ่มต้นโดยการลงทะเบียนธุรกิจของคุณในไดเร็กทอรีท้องถิ่น เช่น Google My Business, Yelp, Bing Places for Business และ Yahoo Small Business
    • นอกจากนี้ยังมีไดเร็กทอรีท้องถิ่นอื่นๆ เช่น สมาคมธุรกิจท้องถิ่น หอการค้า หรือเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นที่มีการลงทะเบียนธุรกิจ
  2. ตรวจสอบและรักษาความสอดคล้องของข้อมูล NAP
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูล NAP (ชื่อธุรกิจ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์) มีความสอดคล้องกันในทุกแพลตฟอร์มและเว็บไซต์
    • ความไม่สอดคล้องของข้อมูลสามารถทำให้เครื่องมือค้นหาสับสนและลดความน่าเชื่อถือของธุรกิจคุณได้
  3. เพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
    • นอกจากข้อมูล NAP แล้ว คุณยังสามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมเช่น เวลาทำการ เว็บไซต์ และรายละเอียดเกี่ยวกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ
    • การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าและเครื่องมือค้นหาทราบข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้ดีขึ้น
  4. ตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลเป็นประจำ
    • ตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลธุรกิจของคุณในทุกแพลตฟอร์มอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะถูกต้องและเป็นปัจจุบัน

4. Local Content

Local Content คือการสร้างเนื้อหาที่เจาะจงและเกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ธุรกิจของคุณตั้งอยู่ การสร้าง Local Content ที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาในท้องถิ่น แต่ยังสร้างความเชื่อมโยงและความน่าเชื่อถือกับลูกค้าในพื้นที่ ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างและประโยชน์ของ Local Content:

การสร้าง Local Content

  1. สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่
    • เขียนบทความหรือบล็อกโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ท้องถิ่น กิจกรรม หรือข่าวสารในพื้นที่ เช่น งานเทศกาลท้องถิ่น ข่าวชุมชน หรือกิจกรรมการกุศลที่ธุรกิจของคุณมีส่วนร่วม
    • การเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ในพื้นที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณดูมีความเชื่อมโยงกับชุมชนและดึงดูดความสนใจของผู้คนในพื้นที่
  2. การสัมภาษณ์และการรีวิว
    • สัมภาษณ์บุคคลสำคัญในพื้นที่ เช่น ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่น หรือบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคมท้องถิ่น
    • รีวิวธุรกิจท้องถิ่นหรือสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ของคุณ การแนะนำสถานที่น่าสนใจในพื้นที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับเนื้อหาของคุณและทำให้ผู้คนรู้สึกว่าธุรกิจของคุณมีความรู้และความเชื่อมโยงกับพื้นที่
  3. การใช้คำหลักที่เจาะจงพื้นที่
    • ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ในหัวข้อบทความ เนื้อหา และคำอธิบาย เพื่อให้เนื้อหาของคุณมีโอกาสปรากฏในการค้นหาที่เจาะจงพื้นที่
    • การใช้คำหลักเช่น “ร้านกาแฟในกรุงเทพฯ” หรือ “กิจกรรมในเชียงใหม่” จะช่วยเพิ่มการมองเห็นของเนื้อหาในผลการค้นหา
  4. สร้างหน้าเพจที่เจาะจงพื้นที่
    • หากธุรกิจของคุณมีหลายสาขาในพื้นที่ต่างๆ ให้สร้างหน้าเพจที่เจาะจงพื้นที่สำหรับแต่ละสาขา
    • หน้าเพจที่เจาะจงพื้นที่ควรมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นๆ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เวลาทำการ และบริการที่มีให้ในสาขานั้น
  5. การใช้มัลติมีเดียที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่
    • ใช้ภาพถ่าย วิดีโอ และกราฟิกที่แสดงถึงพื้นที่ท้องถิ่น การใช้มัลติมีเดียที่เกี่ยวข้องจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเนื้อหาและทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณมากขึ้น
    • การโพสต์รูปภาพของกิจกรรมในพื้นที่หรือวิดีโอการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจะช่วยดึงดูดผู้ชมและเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์
  6. การสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน
    • สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และให้ข้อมูลที่มีคุณค่าต่อชุมชน เช่น คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือบริการต่างๆ ในพื้นที่
    • การให้คำแนะนำและข้อมูลที่มีประโยชน์ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ

5. Schema Markup

Schema Markup หรือโครงสร้างข้อมูลเป็นรูปแบบการทำมาร์กอัปที่ใช้ในการระบุและจัดระเบียบข้อมูลบนเว็บไซต์ให้มีความชัดเจนและเข้าใจง่ายสำหรับเครื่องมือค้นหา (Search Engines) เช่น Google, Bing, และ Yahoo การใช้ Schema Markup ทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณแสดงผลในรูปแบบที่เด่นชัดและเป็นที่ดึงดูดต่อผู้ใช้เมื่อค้นหาข้อมูลออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำ Local SEO การใช้ Schema Markup สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือและมีโอกาสปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น

การใช้ Schema Markup

  1. Local Business Schema
    • Schema ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ร้านค้า และอื่นๆ
    • คุณสามารถเพิ่มข้อมูลสำคัญเช่น ชื่อธุรกิจ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เวลาทำการ และคำอธิบายธุรกิจลงในโครงสร้างข้อมูล
  2. การใช้งาน JSON-LD
    • JSON-LD (JavaScript Object Notation for Linked Data) เป็นรูปแบบการทำมาร์กอัปที่แนะนำโดย Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ
    • ใช้ JSON-LD ในการทำมาร์กอัปข้อมูลของคุณในส่วนหัวของหน้า HTML เพื่อให้เครื่องมือค้นหาสามารถอ่านและเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น
  3. การเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง
    • นอกจากข้อมูลพื้นฐานเช่น NAP (ชื่อธุรกิจ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์) คุณสามารถเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติม เช่น รีวิวจากลูกค้า เมนูผลิตภัณฑ์ หรือกิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
    • การมีข้อมูลที่ครบถ้วนและละเอียดช่วยเพิ่มความน่าสนใจและน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ
  4. การใช้เครื่องมือทดสอบ Schema Markup
    • หลังจากทำมาร์กอัปข้อมูลแล้ว ควรใช้เครื่องมือทดสอบเช่น Google Structured Data Testing Tool เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดและความสามารถในการอ่านของเครื่องมือค้นหา
    • การตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นช่วยให้ข้อมูลของคุณแสดงผลได้อย่างถูกต้อง
  5. การอัปเดต Schema Markup อย่างสม่ำเสมอ
    • ตรวจสอบและอัปเดต Schema Markup ของคุณเป็นประจำเพื่อให้ข้อมูลที่แสดงผลยังคงเป็นปัจจุบันและถูกต้อง
    • การเปลี่ยนแปลงข้อมูลธุรกิจ เช่น ที่อยู่ใหม่ เวลาทำการใหม่ ควรถูกอัปเดตในโครงสร้างข้อมูลทันที

Backlinks หรือการลิงก์กลับจากเว็บไซต์อื่นเป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO โดยทั่วไป เนื่องจากช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมองเห็นของเว็บไซต์ในผลการค้นหา สำหรับการทำ Local SEO การได้รับ Backlinks จากเว็บไซต์ท้องถิ่นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการได้รับและประโยชน์ของ Backlinks จากเว็บไซต์ท้องถิ่น:

การได้รับ Backlinks จากเว็บไซต์ท้องถิ่น

  1. การสร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจท้องถิ่นอื่นๆ
    • สร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจท้องถิ่นอื่นๆ เช่น ร้านค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกัน การแลกเปลี่ยนลิงก์ระหว่างกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับ Backlinks
    • การร่วมมือกันในกิจกรรมท้องถิ่นหรือการจัดงานการกุศลร่วมกันยังเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์และได้รับลิงก์
  2. การสนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น
    • สนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น เช่น งานเทศกาล การแข่งขันกีฬา หรือกิจกรรมการกุศล การสนับสนุนดังกล่าวมักจะได้รับการกล่าวถึงในเว็บไซต์ของกิจกรรมนั้น ซึ่งจะมีการลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ
    • การสนับสนุนไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการได้รับ Backlinks แต่ยังเพิ่มการมองเห็นและความน่าเชื่อถือในชุมชนท้องถิ่น
  3. การเขียนบทความหรือบล็อกโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่
    • เขียนบทความหรือบล็อกโพสต์ที่เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับพื้นที่ เช่น รีวิวร้านอาหารท้องถิ่น การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว หรือการรายงานข่าวกิจกรรมในชุมชน
    • ส่งบทความเหล่านี้ไปยังเว็บไซต์ท้องถิ่นหรือบล็อกที่มีชื่อเสียงในชุมชนเพื่อขอลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
  4. การลงทะเบียนในไดเร็กทอรีท้องถิ่น
    • ลงทะเบียนธุรกิจของคุณในไดเร็กทอรีท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง เช่น สมาคมธุรกิจท้องถิ่น หอการค้า หรือเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลธุรกิจในพื้นที่
    • ไดเร็กทอรีเหล่านี้มักจะมีลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของธุรกิจที่ลงทะเบียน ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวน Backlinks และความน่าเชื่อถือ
  5. การขอรับ Backlinks จากเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น
    • ส่งข่าวประชาสัมพันธ์หรือข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณไปยังเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น โดยเน้นข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับชุมชนหรือกิจกรรมที่คุณสนับสนุน
    • เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นมักจะมีความน่าเชื่อถือสูง การได้รับลิงก์จากเว็บไซต์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มคะแนน SEO ของคุณ

Checklist รายการตรวจสอบ Local SEO

เครื่องมือน่าใช้สำหรับการทำ LO

1. Whitespark Local Citation Finder

whitespark

2. Screaming Frog

3. MOZ Local

moz local

OneGo รับทำ Local SEO ให้ติดอันดับแรกๆ

คุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในพื้นที่ของคุณอยู่หรือไม่? OneGo คือคำตอบที่คุณต้องการ! เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำ Local SEO ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณติดอันดับในผลการค้นหาท้องถิ่น เมื่อมีคนค้นหาบริการหรือสินค้าที่คุณนำเสนอในพื้นที่ พวกเขาจะพบคุณเป็นอันดับแรก! ด้วยกลยุทธ์ที่แม่นยำและประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ OneGo มั่นใจว่าธุรกิจของคุณจะเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ให้เราช่วยทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน สนใจติดอันดับในผลการค้นหาท้องถิ่น? ติดต่อ OneGo วันนี้ แล้วเตรียมพบกับความสำเร็จที่เหนือความคาดหมาย!

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ Local SEO

  1. Local SEO คืออะไรและสำคัญอย่างไร? Local SEO คือการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้ปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ธุรกิจของคุณตั้งอยู่ มันสำคัญเพราะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสดึงดูดลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงได้มากขึ้น เพิ่มการมองเห็นและความน่าเชื่อถือของธุรกิจในชุมชนท้องถิ่น
  2. ทำไมธุรกิจของฉันควรทำ Local SEO? การทำ Local SEO ช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏในผลการค้นหาของผู้ที่ค้นหาบริการหรือสินค้าที่คุณนำเสนอในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมร้านค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ลูกค้าท้องถิ่น
  3. ฉันสามารถเริ่มทำ Local SEO ได้อย่างไร? คุณสามารถเริ่มทำ Local SEO ได้โดยการสร้างและยืนยันบัญชี Google My Business, การใช้คำหลักที่เจาะจงพื้นที่ในเนื้อหาและชื่อหน้า, เพิ่มข้อมูล NAP (ชื่อธุรกิจ, ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์) ในเว็บไซต์ของคุณ และการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ท้องถิ่น
  4. ระยะเวลานานแค่ไหนที่จะเห็นผลจากการทำ Local SEO? การทำ Local SEO เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา โดยปกติแล้วคุณจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการแข่งขันในพื้นที่ของคุณและความสม่ำเสมอในการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์
  5. การได้รับรีวิวจากลูกค้ามีผลต่อ Local SEO อย่างไร? รีวิวจากลูกค้ามีผลสำคัญต่อ Local SEO เพราะรีวิวที่ดีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของธุรกิจของคุณ รีวิวที่เป็นบวกจะช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏในผลการค้นหามากขึ้น และช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ที่กำลังมองหาบริการหรือสินค้าที่คุณนำเสนอ

อ้างอิงจาก

https://blog.hubspot.com/marketing/local-seo

https://www.searchenginejournal.com/local-seo

ติดต่อรับทำ SEO กับ OneGo

เพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณด้วยบริการรับทำ SEO คุณภาพและ SEO สายเทา จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ OneGo