คุณเป็นผู้ประกอบการที่มีความมุ่งมั่นหรือไม่? หรือคุณทำงานเป็น CEO อยู่แล้วและกำลังต่อสู้กับภาระในการเป็นผู้นำ? ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนจากการเรียนรู้ที่จะคิดล่วงหน้าห้าประการ คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจมักจะจับตาดูภาพรวมอยู่เสมอ ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมเรียนรู้วิธีพัฒนาคุณสมบัติความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม!
สารบัญ
ความเป็นผู้นำที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
ผู้ประกอบการและผู้เล่นหมากรุกมีหลายอย่างที่เหมือนกัน ลองนึกถึง Magnus Carlsen อัจฉริยะหมากรุกชาวนอร์เวย์ เขากลายเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่เมื่ออายุ 13 ปี มันเป็นเพราะความสามารถในการคิดล่วงหน้ามากถึง 15 ก้าว
CEO ที่ดียังรู้วิธีคิดล่วงหน้าหลายเท่า ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด พวกเขามีสติและใจเย็นเหมือนกับที่ผู้เล่นหมากรุกทำ และเหมือนสิ่งที่นักเล่นหมากรุกที่ต้องการ ผู้ประกอบการและซีอีโอมักจะรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุด
คนส่วนใหญ่ล้มเหลวในการคิดล่วงหน้ามากกว่าหนึ่งหรือสองครั้ง แต่ CEO ที่ประสบความสำเร็จมักจะมองเห็นภาพใหญ่เสมอ พวกเขาสามารถคิดล่วงหน้าได้ห้าก้าว ดังที่ผู้เขียน Patrick Bet-David กล่าวไว้ว่า “กลยุทธ์ที่มีประสิทธิผลคือการเคลื่อนไหวและการเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวการเคลื่อนไหวอีกชุดหนึ่งโดยพิจารณาจากการตอบสนองของตลาดหรือการแข่งขันของคุณ”
การคิดล่วงหน้าจะทำให้คุณแยกแยะระหว่างตัวเลือกที่ง่ายกว่าและได้ผลมากกว่า คุณอาจสงสัยว่าทำไมคุณถึงควรคิดล่วงหน้าแค่ห้าก้าว แม้ว่าคุณอาจต้องการวางแผน 15 ย่างก้าวล่วงหน้า แต่การมุ่งเน้นไปที่ 5 ก้าว จะช่วยให้คุณคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคต มันจึงควรเป็นการเคลื่อนไหวหลักและตอบโต้กับอะไรก็ตามที่เข้ามาในชีวิตคุณ
ถึงแม้ว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะคิดล่วงหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่คุณต้องประสบความสำเร็จก็คือความต้องการของคุณ สิ่งที่คุณต้องการพิชิตนั้นจะต้องมีความสำคัญต่อคุณ ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีความกล้าพอที่จะตัดสินใจเรื่องยากๆ ได้ ค้นหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการหารายได้ ทั้งๆที่ผู้ประกอบการแก้ปัญหาได้ แล้วทำไมไม่แก้ปัญหาใหญ่ๆ ที่โลกของเราเผชิญอยู่ทุกวันนี้ล่ะ
ก้าวที่ 1 : ทำความรู้จักตัวเอง
ก่อนที่คุณจะทำอย่างอื่น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือทำความรู้จักตัวเองก่อน อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การตระหนักรู้ในตนเองเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ ถามคำถามกับตัวเองอยู่เสมอเพื่อเปิดเผยความปรารถนาที่ลึกที่สุดของคุณ อาจไม่ได้คำตอบในทันทีทันใด แต่ต้องมีขั้นตอนทุกครั้งที่คุณเริ่มก้าวเดิน
เมื่อคุณรู้ว่าสิ่งใดสำคัญสำหรับคุณอย่างแท้จริง คุณสามารถจับคู่กลยุทธ์ทางธุรกิจกับระดับความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของคุณได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้ว่าความทะเยอทะยานของคุณคือการสร้างร้านเล็กๆ คุณสามารถวางใจเกี่ยวกับแนวทางธุรกิจของคุณได้ อย่างไรก็ตาม หากเป้าหมายของคุณคือการพลิกโฉมอุตสาหกรรม คุณจะต้องทำธุรกิจของคุณเหมือนสงคราม
บางทีคุณอาจจะรู้ว่าการเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เส้นทางสำหรับคุณ คุณสามารถร่ำรวยได้โดยไม่ต้องก่อตั้งบริษัทของตัวเอง เพราะชีวิตที่ร่ำรวยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณรับผิดชอบต่อความสำเร็จของตนเอง คุณสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายโดยการเป็นผู้ประกอบการภายใน : คุณยังเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท แต่การสร้างหน่วยธุรกิจใหม่หรือเป็นผู้นำความคิดริเริ่มใหม่เพิ่มเติม
สิ่งสำคัญคือต้องตัดสินใจว่าคุณต้องการอะไร เนื่องจากคุณสามารถคาดเดาถึงความเจ็บปวดมากมายระหว่างทางไปสู่จุดสูงสุดได้ ถ้าไม่รักในสิ่งที่ทำก็จะเลิกไปพร้อมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีหนึ่งในการค้นหาว่าคุณต้องการทำอะไรคือเขียนรายการ
เมื่อผู้เขียนลาออกจากงานแรกๆ ในตำแหน่งพนักงานขาย เขาก็หลงทาง เขารู้ว่าเขาตัดสินใจถูกแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าเขาอยากจะไปที่ไหนต่อไป นั่นคือตอนที่เขาเริ่มต้นเขียนรายการว่าเขาอยากเป็นใคร
รายการนี้รวมถึงการตั้งนามสกุล “Bet-David” มีความหมายบางอย่าง และรวมถึงสูตรที่ชัดเจนในการก้าวไปสู่จุดสูงสุด
ลองอ่านเพิ่มเติม: 21 ไอเดียการสร้างรายได้ที่ต้องลองที่บ้านตอนนี้
ก้าวที่ 2 : พลังของการมีเหตุผล
ระหว่างทางไปสู่จุดสูงสุด คุณจะต้องเผชิญกับปัญหาทุกวัน บางทีพนักงานที่ดีที่สุดของคุณอาจขู่ว่าจะลาออกหากเธอไม่ได้รับความยุติธรรม หรือบางทีสถานการณ์ในตลาดอาจพังถึง 30% ในหนึ่งเดือนเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทั่วโลก หรือบางทีคุณอาจเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่งรายใหญ่
CEO ที่ประสบความสำเร็จจะมีสติเมื่อเผชิญกับปัญหาและวิกฤติต่างๆ นั่นคือเหตุผลที่ก้าวที่สองของคุณควรเรียนรู้วิธีแก้ปัญหา คุณจะต้องสามารถมองโลกด้วยจิตใจที่สงบและชัดเจน ปราศจากอารมณ์ เพื่อที่จะตัดสินใจทางธุรกิจได้ดี
ดูผู้เขียนเป็นตัวอย่าง เขาได้กลายเป็นซีอีโอไปแล้วภายในปี 2556 แต่ 18 เดือนหลังจากนั้น เขายังคงมีอาการตื่นตระหนกอยู่ เขาอยู่กับความไม่แน่ใจและเอาแต่นอนคิดถึงการตัดสินใจของเขาทั้งคืนและวิธีอื่นๆที่เขาสามารถนำมาใช้แก้ปัญหา นั่นเป็นเพราะเขาเชื่อว่าวิธีแก้ปัญหามีแค่สองแบบเท่านั้น ความจริงแล้ว ไม่ได้มีวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเพียงวิธีเดียวเท่านั้น กุญแจสำคัญในการตัดสินใจที่ดีคือการเรียนรู้วิธีจัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิผล
ส่วนที่สำคัญที่สุดในการประมวลผลปัญหาคือการรับผิดชอบต่อปัญหานั้น ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดมักจะมองเห็นบทบาทของตนในประเด็นปัญหาเสมอ พวกเขาถามตัวเองว่า “ฉันมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้อย่างไร? ฉันทำอะไรลงไปจนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมา? ฉันจะปรับปรุงได้อย่างไร เพื่อที่ฉันจะได้มีความพร้อมมากขึ้นในการจัดการกับเรื่องแบบนี้ในอนาคต”
แม้ในช่วงเวลาวิกฤติ การเปลี่ยนมุมมองเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าสิ่งต่างๆ จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ เช่น ในช่วงที่เกิดโรคระบาดทั่วโลก คุณยังคงสามารถควบคุมปฏิกิริยาของคุณต่อสถานการณ์ได้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณควบคุมปัญหาได้อีกครั้งและก้าวไปข้างหน้า
ก้าวที่ 3 : สร้างทีม
เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะคิดล่วงหน้าห้าก้าว คุณจะพบว่าคุณไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ผู้ประกอบการจำนวนมากตกหลุมพรางของความคิดที่ว่าเมื่อไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็สามารถจัดการส่วนที่เหลือจากจุดนั้นต่อไปได้ อย่างไรก็ตามนั่นไม่เป็นความจริง คุณจะต้องมีทีมงานหากคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโตจริงๆ
ในการสร้างทีม ให้เริ่มด้วยการตอบคำถาม “ทำไมถึงมีคนมาร่วมงานกับฉัน” เมื่อบริษัทของคุณยังเล็กและคุณไม่มีรายได้มากนัก คุณจะต้องโน้มน้าวให้ผู้คนอยากร่วมงานกับคุณอย่างแท้จริง คุณจะต้องมีสวัสดิการเพื่อจูงใจให้ผู้คนมาร่วมงานกับบริษัทของคุณ
การรับสมัครพนักงานไม่ได้หยุดเมื่อคุณได้จ้างใครสักคนมาทำงานให้คุณแล้ว หากคุณได้จ้างผู้มีความสามารถระดับสูง คุณจะต้องรับสมัครพวกเขาใหม่อย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นบริษัทอื่นอาจขโมยพวกเขาไปจากคุณ
กุญแจสู่ความสำเร็จของทีมและธุรกิจคือวัฒนธรรมบริษัทของคุณ มันเกือบจะเหมือนกับศาสนาสำหรับบริษัทที่ประสบความสำเร็จบางแห่ง ลองนึกถึง Apple หรือ Google ทั้งสองมีสัญลักษณ์และระบบเฉพาะตัว และผู้ที่ทำงานให้กับบริษัทเหล่านี้มักจะเชื่อในคุณค่าของพวกเขาอย่างแรงกล้า
นั่นคือเหตุผลที่คุณต้องการวัฒนธรรมบริษัทที่ชัดเจนสำหรับบริษัทของคุณเองเช่นกัน จากค่านิยมที่สำคัญสำหรับคุณและธุรกิจของคุณ คุณสามารถตัดสินใจจ้างงานได้อย่างถูกต้อง ผู้เขียนยังไปไกลถึงขนาดสร้างวัฒนธรรมครอบครัวสำหรับครอบครัวของเขาเอง! ค่านิยมหลักของพวกเขาคือความกล้าหาญ สติปัญญา ความอดทน และความเข้าใจ ซึ่งพวกเขายืนหยัดเพื่อความเป็นผู้นำ ความเคารพ การปรับปรุง และความรัก
สำหรับบริษัทของคุณ วิธีที่ดีที่สุดคือสร้างวัฒนธรรมที่ยึดหลักการ Bet-David เขียนว่า “คุณต้องมีหลักการ คุณต้องจดบันทึกไว้ ทำซ้ำบ่อยๆ และแสดงตัวอย่างความมุ่งมั่นในการให้เกียรติพวกเขา”
ก้าวที่ 4 : วางแผนกลยุทธ์
เมื่อคุณเชี่ยวชาญการก้าวเดินทั้งสามประการแล้ว คุณก็พร้อมที่จะเรียนรู้วิธีการเป็น CEO แล้ว แล้วคุณจะขยายบริษัทของคุณให้เติบโตได้อย่างไร? ทุกสตาร์ทอัพมีสี่ขั้นตอน : การกำหนดแผน การเอาตัวรอด แรงขับเคลื่อน และระยะเริ่มต้น ไม่ว่าธุรกิจของคุณอยู่ในขั้นตอนใด คุณจะต้องมีแผนที่จะใช้ประโยชน์จากมันให้ได้
คุณจะหาเงินทุนได้อย่างไร? วิธีแก้ปัญหานี้ขึ้นอยู่กับกิจการเฉพาะกลุ่มเสมอ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังสร้างบริษัทเทคโนโลยีที่ไม่สามารถวัดค่าเม็ดเงินได้ แต่สร้างความสนใจได้ คุณจะต้องหาเงินล่วงหน้า ส่วนกิจการอื่นๆ อาจต้องการการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
หากต้องการก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริง คุณจะต้องมีการเติบโต คุณอาจรู้จักคนที่เข้ายิมทุกวัน แต่ดูเหมือนจะไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย นั่นคือสิ่งที่พวกเราส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น เรากำลังก้าวเดินทุกวันโดยคิดไม่ออกว่าจะเดินไปถึงจุดหมายได้อย่างไร
การเติบโตของธุรกิจมีสองประเภท : การเติบโตแบบคงที่และการเติบโตแบบทวีคูณ การเติบโตแบบคงที่นั้นมั่นคงแต่ไม่โดดเด่น โดยเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เช่น การปฏิบัติตามกำหนดเวลาและการขยายเครือข่าย การเติบโตแบบก้าวกระโดดหมายถึงการก้าวกระโดดแบบใช้แรงดึงดูด เช่น เมื่อผู้ประกอบการใช้วิสัยทัศน์ของเขาในการสร้างสรรค์สิ่งที่ยอดเยี่ยม
ในฐานะ CEO คุณมีกลยุทธ์สี่ด้านที่คุณต้องรับผิดชอบ :
- ระบบปฏิบัติการ : ปรับปรุงระบบปฏิบัติการและเทคโนโลยีของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของคุณ
- การพัฒนาธุรกิจและการขาย : สร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ และปรับปรุงกระบวนการขายของคุณต่อไป
- แคมเปญนวัตกรรมถัดไป : สร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด ค้นหาช่องว่างในตลาดโดยการรวมความรู้เกี่ยวกับความต้องการและความต้องการของลูกค้า ข้อจำกัดของคู่แข่ง และจุดแข็งของคุณเอง
- การพัฒนาความเป็นผู้นำ : คุณสามารถเติบโตแบบทวีคูณได้ก็ต่อเมื่อคุณสามารถพัฒนาผู้อื่นให้เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพได้
ก้าวที่ 5 : ใช้พลัง
ธุรกิจของคุณไม่ได้โดดเดี่ยว จะมีคู่แข่งอยู่ในสนามเสมอ และวิธีที่คุณต้องการจัดการกับพวกเขาก็ขึ้นอยู่กับคุณ ทุกธุรกิจมียักษ์ใหญ่ ซึ่งกำลังแย่งส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด หรืออาจเป็นเพื่อนร่วมงานที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าคุณด้วยซ้ำ
หากคุณต้องการโค่นคู่แข่งในธุรกิจของคุณ คุณต้องเป็นคนที่อดทนต่อความเจ็บปวดได้ คู่แข่งใหญ่กว่าคุณ มีเงินทุน ทรัพยากร และประสบการณ์มากกว่า และอาจมีชื่อเสียงและแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากกว่าด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม คู่แข่งก็มีจุดอ่อนเช่นกัน การอยู่ในตำแหน่งสูงสุดมาพร้อมกับความสบายใจ และคู่แข่งมักจะไม่เห็นการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น
คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะชนะการต่อสู้ รู้จุดอ่อนและจุดแข็งของคุณเอง และตั้งเป้าที่จะทำให้ดีกว่าคู่แข่งอย่างน้อยสามประการ เก็บรายละเอียดไว้ต่ำและเข้าสู่การต่อสู้อย่างรวดเร็ว พยายามหาพันธมิตรกับผู้อื่นเพื่อร่วมทีมต่อสู้กับคู่แข่ง
แม้ว่าคุณจะอยู่ในระดับสูงสุด แต่คุณก็ต้องฝึกฝนพลังของคุณและผ่านการทดสอบการต่อสู้ ยกตัวอย่างบริษัทของเพื่อนผู้เขียน Bobby เขาสร้างรายได้ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ 5 ล้านเหรียญสหรัฐมาจากลูกค้าเพียงรายเดียว ลูกค้ามีเลเวอเรจมากขึ้นและพยายามผลักดันให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ในที่สุด ลูกค้าก็ย้ายไปที่บริษัทอื่น และ Bobby สูญเสียรายได้ไป 5 ล้านดอลลาร์ในชั่วข้ามคืน ในที่สุดเขาก็ต้องขายบริษัทของเขา
ดังนั้นควรปลูกฝังทางเลือกของคุณอยู่เสมอ การมีตัวเลือกให้เลือกหมายถึงการมีอำนาจ ถามตัวเองว่า “ใครบ้างที่มีอำนาจในความสัมพันธ์ทางธุรกิจของฉัน ”
บทส่งท้าย
หากต้องการเป็นผู้ประกอบการหรือ CEO ที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้จักตัวเอง คุณต้องมีความมุ่งมั่นและความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกิจการใดก็ตาม พร้อมด้วยความสามารถในการรับมือกับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ คุณไม่สามารถทำมันคนเดียวได้ ค้นหาทีมที่สนับสนุนค่านิยมหลักของคุณและนำพวกเขาและบริษัทของคุณไปสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยการสร้างปรากฏการณ์บนโลกแห่งธุรกิจ
เคล็ดลับจากเรื่องนี้
ถามตัวเองว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต – คุณมีสิ่งที่จำเป็นในการก้าวไปสู่จุดสูงสุดและเป็นผู้นำบริษัทขนาดใหญ่หรือไม่?
อ้างอิงจาก
https://www.yournextfivemoves.com
ติดต่อรับทำ SEO กับ OneGo
เพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณด้วยบริการรับทำ SEO คุณภาพและ SEO สายเทา จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ OneGo